เมาคลีลูกหมาป่า (ภาพยนตร์ พ.ศ. 2559)
เมาคลีลูกหมาป่า | |
---|---|
ใบปิดภาพยนตร์ | |
กำกับ | จอน แฟฟโรว์ |
บทภาพยนตร์ | จัสติน มากส์ |
สร้างจาก | เมาคลีลูกหมาป่า โดย รัดยาร์ด คิปลิง |
อำนวยการสร้าง |
|
นักแสดงนำ | |
กำกับภาพ | บิล โปป |
ตัดต่อ | มาร์ก ลิว็อลซี |
ดนตรีประกอบ | จอห์น เดบนีย์ |
บริษัทผู้สร้าง |
|
ผู้จัดจำหน่าย | วอลต์ดิสนีย์สตูดิโอส์ |
วันฉาย |
(เอลแคพิทัน)
|
ความยาว | 105 นาที[1] |
ประเทศ | สหรัฐอเมริกา |
ภาษา | อังกฤษ |
ทุนสร้าง | 175 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[2][3] |
ทำเงิน | 966.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[4] |
เมาคลีลูกหมาป่า (อังกฤษ: The Jungle Book) เป็นภาพยนตร์อเมริกันแนวจินตนิมิตและผจญภัยซึ่งจอน แฟฟโรว์ กำกับ จัสติน มากส์ เขียนบท และวอลต์ดิสนีย์พิกเจอส์อำนวยการผลิต อ้างอิงประมวลผลงานชื่อเดียวกันของรัดยาร์ด คิปลิง และเป็นการนำภาพยนตร์แอนิเมชันชื่อเดียวกันนี้มาสร้างสรรค์ใหม่ในแบบคนแสดงประกอบการสร้างจินตภาพด้วยคอมพิวเตอร์[5][6]
เนื้อเรื่อง
[แก้]เมาคลีเป็นมนุษย์เด็กชาย ซึ่งรักชากับอาเกลา คู่สุนัขป่าอินเดีย เลี้ยงดูจนเติบใหญ่ หลังจากที่บากีรา เสือดำอินเดีย นำมาฝากไว้แต่ยังเป็นทารก บากีราเองก็ช่วยอบรมสั่งสอนให้เมาคลีใช้ชีวิตอย่างสุนัขป่า แต่ยิ่งเติบโตก็ยิ่งพบอุปสรรคในการเป็นสุนัขป่า เมาคลีจึงมีพัฒนาการช้ากว่าพี่น้อง และหันไปใช้กลวิธีแยบคายต่าง ๆ เพื่อตามให้ทัน เป็นเหตุให้ถูกบากีราติเตียนว่า หัดใช้กลโกงอย่างมนุษย์
วันหนึ่งในฤดูแล้ง สัตว์ทั้งปวงสโมสรกัน ณ ผาสันติ (Peace Rock) เพื่อแบ่งกันบริโภคน้ำเท่าที่เหลืออยู่ ตามความในสัญญาหย่าศึกชิงน้ำ (Water Truce) แต่การชุมนุมสันตินี้ต้องชะงักเมื่อเชียร์คาน เสือเบงกอลผู้ดุร้าย ปรากฏกาย เชียร์คานได้กลิ่นอายมนุษย์ในท่ามกลางที่ชุมนุม จึงตวาดขึ้นว่า ป่านี้ไม่ต้อนรับมนุษย์หน้าไหนทั้งสิ้น ทั้งนี้ เพราะเชียร์คานเคยถูกมนุษย์ทำร้ายจนหน้าบาก ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ให้เจ็บช้ำใจอยู่บนใบหน้า แล้วเชียร์คานก็สำทับก่อนผละไปว่า ตนจะกลับมาเอาชีวิตเด็กผู้เป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ชาวสุนัขป่าจึงอภิปรายกันว่า จะให้เมาคลีติดสอยห้อยตามอยู่ในฝูงต่อไปอีกหรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้มติ เมาคลีก็กล่าวขึ้นว่า ตนสมัครใจจะไปจากป่าเองเพื่อความผาสุกและเบาใจของทุกฝ่าย บากีราจึงอาสานำพาเมาคลีไปส่งยังนิคมมนุษย์โดยรอดปลอดภัย
ระหว่างทางไปยังนิคมมนุษย์นั้น เชียร์คานซุ่มโจมตีเมาคลีและบากีรา บากีราบาดเจ็บ เมาคลีหนีรอดเพราะได้ความช่วยเหลือของฝูงกระบือ เมาคลีจึงออกเดินต่อไปโดยลำพัง ไปพบคา งูเหลือมอินเดียตัวมหึมา ณ กระโจมแห่งหนึ่ง คาใช้วิชาสะกดจิตช่วยให้เมาคลีระลึกภาพอดีตได้ เมาคลีเห็นบิดาตนถูกเชียร์คานสังหาร เป็นเหตุให้ตนถูกทิ้งไว้ในป่าจนบากีรามาพบเข้า ในภาพสะกดจิตนั้น คายังแจ้งแก่เมาคลีว่า มนุษย์มีอาวุธทรงพลานุภาพ เรียกว่า "ดอกไม้แดง" (red flower) ซึ่ง "นำพาความอบอุ่น ความโชติช่วง และความพินาศฉิบหาย มาสู่คนทั้งหลายผู้ถูกมันแตะต้อง" แต่คานั้นสะกดจิตไปก็เลื้อยพันตัวเมาคลีไปมิให้รู้สึกตัว ขณะที่เมาคลีตกอยู่ทั้งในห้วงสะกดจิตและห้วงกระหวัดของคา กำลังจะถูกจับกินอยู่นั้น บาลู หมี ก็เข้าช่วยเมาคลีไว้ได้ทันท่วงที บาลูให้เมาคลีตอบแทนด้วยการไปเอาน้ำผึ้งยอดผามาให้ ในไม่ช้า เมาคลีกับบาลูก็กลายเป็นสหายสนิทแน่นแฟ้นกัน เมาคลีจึงตกลงจะอยู่กับบาลูจนฤดูเหมันต์
ในช่วงนั้น เชียร์คานไปหาฝูงสุนัขป่าและถามถึงเมาคลีจนมีปากเสียงกัน เชียร์คานฆ่าอาเกลา จ่าฝูง ตาย จึงตั้งตัวเป็นประมุขคนใหม่ เพราะคาดหวังว่า เมาคลีจะกลับคืนฝูงอีกครั้ง ฝ่ายบากีราพบว่า เมาคลีไปอยู่กับหมีบาลู จึงติดตามไปหาและพูดคุยด้วย เพื่อสวัสดิภาพของเมาคลีเอง บาลูจึงจำใจพูดปดต่อเมาคลีว่า ตนไม่เคยนับเมาคลีเป็นเพื่อนเลย บาลูหวังว่า พูดเช่นนี้แล้วเมาคลีจะได้จากไปอยู่ในที่อันสมควรเสีย แต่ก่อนที่จะได้เป็นไปดังนั้น ลิงฝูงหนึ่งมาลักตัวเมาคลีไปยังวิหารร้าง และนำถวายเจ้าลูอี พระยาวานรผู้เป็นนายของพวกตน เจ้าลูอีพยายามบีบให้เมาคลีเผยความลับเกี่ยวกับ "ดอกไม้แดง" บากีรากับบาลูมาถึงที่นั้นโดยฉับพลันเพื่อช่วยเหลือเมาคลี เจ้าลูอีกับพวกไล่ลาเมาคลีไปจนถึงวิหาร ตัวราชาวานรถูกซากวิหารถล่มทับสิ้นสติ แต่ก่อนหมดสติได้บอกให้เมาคลีทราบถึงมรณกรรมของอาเกลา เป็นเหตุให้เมาคลีโกรธว่า บากีรากับบาลูปิดบังเรื่องดังกล่าวจากตน และตัดสินใจกลับไปเผชิญหน้ากับเชียร์คานเพื่อล้างแค้นให้แก่อาเกลาบิดาบุญธรรม
ระหว่างทาง เมาคลีได้เห็น "เพื่อนมนุษย์" เป็นครั้งแรก ณ หมู่บ้านแถบนั้น ซึ่งทำให้เขาพิศวงงงงวย แต่เมื่อเขาเห็น "ดอกไม้แดง" กำลังลุกโชนอยู่บนกองฟอน ก็คว้าฟืนติดเพลิงท่อนหนึ่งกลับไป มีบากีรากับบาลูคอยตามไปอยู่ไม่ห่าง ข่าวเรื่องการมาของมนุษย์ผู้ทรง "ดอกไม้แดง" แพร่สะพัดไปทั้งป่า สรรพสัตว์จึงมาประชุมกัน ณ ผาสันติอีกครั้ง ณ ที่นั้น เมาคลีพบเชียร์คาน การประจัญหน้าก็เริ่มขึ้น เมาคลีล่อลวงให้เชียร์คานตกลงสู่หลุมเพลิงถูกเพลิงคลอกขาดใจตาย แล้วเหล่าช้างสารทั้งหลายก็ช่วยกันทดน้ำมาดับไฟ ในเวลานี้ เมาคลีรับรู้แล้วว่า ตนเองมิใช่สุนัขป่า หากแต่เป็นมนุษย์ จึงยินยอมพร้อมใจจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างมนุษย์ ภาพยนตร์จบลงด้วยภาพเมาคลีนั่งอยู่บนต้นไม้กับสองสหายบากีราและบาลู เมาคลีนั้นค้นพบว่า แค่ได้อยู่กับเพื่อนรู้ใจ ที่ไหนก็เป็นบ้านได้
นักแสดง
[แก้]ผู้แสดง
[แก้]ชื่อ | บท |
---|---|
นีล เสฐี (Neel Sethi) | เมาคลี (Mowgli; ฮินดี: मोगली, โมคะลี) |
ริเทศ ราชัน (Ritesh Rajan) | บิดาของเมาคลี |
ผู้ให้เสียง
[แก้]ชื่อ | บท |
---|---|
บิลล์ เมอร์เรย์ (Bill Murray) | บาลู (Baloo; ฮินดี: भालू, ภาลู) |
เบน คิงส์ลีย์ (Ben Kingsley) | บากีรา (Bagheera; ฮินดี: बघीरा, พะคีรา) |
อีดริส เอลบา (Idris Elba) | เชียร์คาน (Shere Khan; ฮินดี: शेर खान, เศระ ขานะ) |
ลูพีตา ญองอ (Lupita Nyong'o) | รักชา (Raksha; ฮินดี: रक्षा, รักษา) |
สการ์เลตต์ โจแฮนสัน (Scarlett Johansson) | คา (Kaa; ฮินดี: का, กา) |
จีอันการ์โล เอสโปซีโต (Giancarlo Esposito) | อาเกลา (Akela; ฮินดี: अकेला, อะเกลา) |
คริสโตเฟอร์ วอลเกน (Christopher Walken) | เจ้าลูอี (King Louie) |
แกร์รี แชนด์ลิง (Garry Shandling) | อิกกิ (Ikki; ฮินดี: इकी, อิกี)[7] |
ไบรตัน โรส (Brighton Rose) | สหายเทา (Grey Brother)[7] |
จอน แฟฟโรว์ (Jon Favreau) | หมูป่าแคระ (Pygmy Hog)[7] |
แซม ไรมี (Sam Raimi) | กระรอกยักษ์ (Giant Squirrel)[7] |
รัสเซลล์ พีเทอส์ (Russell Peters) | แรดร็อกกี (Rocky the Rhino) [7] |
แมดลีน แฟฟโร (Madeleine Favreau) | แรดราเกล (Raquel the Rhino)[7] |
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "THE JUNGLE BOOK [2D] (PG)". British Board of Film Classification. March 29, 2016. สืบค้นเมื่อ March 29, 2016.
- ↑ Anita Busch and Nancy Tartaglione (April 12, 2016). "'The Jungle Book', 'Barbershop: The Next Cut' To Ignite Weekend Box Office – Preview". Deadline.com. สืบค้นเมื่อ April 13, 2016.
- ↑ Dave McMarry (April 12, 2016). "'Jungle Book' to Rule Box Office Kingdom With $70 Million Opening". Variety. สืบค้นเมื่อ April 13, 2016.
- ↑ "The Jungle Book (2016)". Box Office Mojo. สืบค้นเมื่อ August 29, 2016.
- ↑ "The Jungle Book: Production Notes" (PDF). wdsmediafile.com. The Walt Disney Studios. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-09-18. สืบค้นเมื่อ March 28, 2016.
- ↑ Thompson, Luke Y. (February 22, 2016). "Jon Favreau Says 'The Jungle Book' Will Be His 'Avatar,' Reveals New Images". Forbes. สืบค้นเมื่อ February 27, 2016.
- ↑ 7.0 7.1 7.2 7.3 7.4 7.5 "The Jungle Book: Press Kit" (PDF). wdsmediafile.com. The Walt Disney Studios. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2019-06-26. สืบค้นเมื่อ March 29, 2016.